โกง!
ผมเริ่มต้นการทำงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ แต่สุดท้าย...ผมเพิ่งรู้ว่าผมถูกโกง!
ผู้เข้าชมรวม
388
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นทั่วใบหน้าของผม ผมพยายามเอามือข้างขวาจับมือข้างซ้ายที่สั่นระรัวเอาไว้และกลับมาตีสีหน้านิ่งเฉย สาวผิวขาวตาเรียวเล็กที่อยู่ตรงหน้ามองผมอย่างพินิจพิจารณา เธอใช้ปลายปากกาเคาะที่เอกสารตรงหน้าอยู่สองสามทีก่อนจะเอ่ยถามคำถามที่สอง
“คุณสามารถใช้โปรแกรมทางวิศวกรรมได้ตามที่เราต้องการก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถทำงานให้บริษัทเราได้ คุณต้องระลึกไว้เสมอว่า คุณ Need ที่จะมาทำงานที่บริษัทฉัน ไม่ใช่บริษัทฉัน Need คุณ เพราะฉะนั้นคุณต้องคิดว่าคุณจะนำเสนอตัวเองอย่างไรดี เพื่อให้ฉันรับคุณเข้าทำงานคะ คุณสรภพ”
คำถามที่ดูมีชั้นเชิงเหมือนจะพยายามกดผมให้อยู่อีกระดับหลุดออกมาจากปากเรียวเล็กของสาวมั่นหน้าหมวยดีกรีผู้บริหารคนหนึ่งของบริษัท ผมรีบตั้งสติเพื่อหาเหตุผลดีๆมาตอบเธอ หลังจากที่ผมพลาดกับคำตอบในคำถามแรกไปแล้ว เธอถามผมว่า อะไรที่ผมถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จในการทำงาน ผมตอบเธอไปว่า “คือการได้เข้าทำงานในบริษัทใหญ่ที่มีความมั่นคงและได้มีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน” ไม่รู้ว่าผมตอบแบบนั้นไปได้ยังไง เผลอยกยอบริษัทเธอไปเสียขนาดนั้น ป่านนี้เธอคงคิดว่าผมอยากจะเข้าทำงานที่นี่จนตัวสั่น
“ครับ ผมเชื่อว่าการที่ผมได้ทำงานที่ตัวเองรัก จะทำให้ผมมีความตั้งใจกับงานนั้นๆ และผลงานที่ได้ก็จะออกมาดีด้วย ที่เหลือคงแล้วแต่คุณจะพิจารณาครับ”
เธอนิ่งไป แต่สายตาที่จ้องมองผมยังคงดูใคร่ครวญตรึกตรองอยู่ ผมหายใจเข้าลึกๆ ความอัดอึดวนเวียนอยู่รอบตัวผม
“เอาล่ะ” เธอพูดขึ้น ทำเอาผมสะดุ้งตัวโยน ไม่รู้ว่าทำไมดูผู้หญิงคนนี้ช่างมีอำนาจกับจิตใจคนเหลือเกิน โดยเฉพาะกับผมตอนนี้
“ฉันจะทำสัญญาให้คุณทดลองงานเป็นเวลา 4 เดือนด้วยเงินเดือนตามนี้ หลังจากนั้นเราจะมาประเมินกันใหม่ว่าคุณผ่านการประเมินหรือไม่ ต้องขอบอกไว้ก่อนนะคะคุณสรภพ ถึงแม้ว่าคุณจะมีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว 1 ปีก็ตาม ฉันก็ยังจะขอทดลองงานกับคุณ หวังว่าคุณคงไม่ปฏิเสธ” เธอทิ้งท้ายด้วยคำถามที่แทบไม่เหลือเวลาให้ผมได้ทันคิดอะไร ผมตอบตกลงกับเธอแบบแทบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยทีเดียว เธอนัดผมให้มาเริ่มงานในวันรุ่งขึ้นทันที
การทำงานของผมในวันแรกกับเพื่อนร่วมงานที่นี่เป็นไปอย่างราบรื่น แผนกของผมมีผู้หญิงไม่มากนัก การสร้างความสนิทสนมระหว่างผู้ชายด้วยกันจึงเป็นไปได้โดยง่าย แต่ถ้าพูดถึงความสัมพันธ์กับคุณไพฑูรย์ กรรมการผู้จัดการของที่นี่แล้วยังดูอีกไกลนัก คุณไพฑูรย์เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมาเมื่อ 30 ปีก่อน จนปัจจุบันเขาเริ่มแก่ตัวลงและผันตัวเองมาเป็นกรรมการผู้จัดการ โดยปล่อยให้การบริหารเป็นหน้าที่ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งคนๆนั้นก็คือ คุณนิศาที่ทำการสัมภาษณ์ผมในวันนั้น พูดถึงคุณไพฑูรย์แล้ว ผมก็ยังไม่เคยได้คุยกับเขาเท่าไหร่นัก แต่จากกิตติศัพท์ที่ได้ยินมาในเรื่องของความเฮี้ยบและเขี้ยวก็มีมาหนาหู เขาเป็นชายวัยหกสิบร่างใหญ่ อ้วนพุงพลุ้ยและชอบทำคิ้วขมวดเป็นโบว์อยู่ตลอดเวลา
วันหนึ่งผมได้รับงานงานนึงซึ่งเป็นงานสำคัญ ผมทราบมาจากหัวหน้าแผนกของผมว่างานนี้เคยเป็นงานของพี่วิสุทธิ์ที่ลาออกไปแล้วก่อนผมเข้าทำงานได้ประมาณ 1 อาทิตย์ และงานนี้เพิ่งได้เซ็นต์สัญญากันไปเมื่อวาน โดยกำหนดส่งงานคือ 1 เดือนนับจากวันที่เซ็นต์สัญญา
“เฮ้ย มึงต้องทำให้ทันนะเว้ย งานเนี้ยแค่ค่าออกแบบก็เป็นแสนแล้ว ไม่ต้องไปประมูลแข่งกับใครเลยนะมึง” พี่สมชายหัวหน้าแผนกกึ่งเตือนกึ่งขู่ผมหลังจากที่ผมเพิ่งไปเซ็นต์รับงานมา ผมคิดว่านี่คงเป็นบทพิสูจน์การทำงานของผมมากกว่า ผมก็แค่ต้องทำงานนี้ให้เต็มที่ เพราะนับจากนี้ไปอีก 1 เดือนก็จะครบกำหนดการประเมินการทำงานของผมแล้ว ซึ่งจะตรงกับช่วงที่ต้องส่งงานนี้พอดิบพอดี
ผมคงลืมเล่าเรื่องนึงไป งานที่ผมกำลังจะทำนี้ ผมต้องเข้าปรึกษาคุณไพฑูรย์ และให้คุณไพฑูรย์ตรวจสอบงานเป็นระยะๆ คุณไพฑูรย์เป็นคนค่อนข้างเจ้าระเบียบครับ ถ้าให้ผมพูดตรงๆ ก็คือ คนแก่ขี้บ่นดีๆนี่เอง ผมเข้าไปคุยงานกับแกทุกวันและไม่มีวันไหนเลยที่ผมจะไม่โดนแกด่า มีบางวันแกเกือบชกผมเข้าให้ แต่โชคดีที่ผมเป็นคนไม่ชอบมีปากเสียงกับใคร ผมก็ได้แต่คิดในใจว่าช่างเถอะ แกแก่แล้ว เพื่อให้อารมณ์ของผมทุเลาลง
“ไอ้ภพ วันไหนแกทนไม่ไหว แกเดินออกมาเลยก็ได้นะ” พี่สมชายเคยบอกผมเอาไว้ตั้งแต่วันแรกที่แกรู้ว่าผมต้องเข้าไปคุยงานกับคุณไพฑูรย์ แต่เชื่อมั้ยครับว่าผมยังไม่เคยรู้สึกแบบนั้น
“ฮึ้ยยย...ทำไมลื้อไม่เอาไอ้ตัวหนังสือตรงนี้มาไว้ตรงนี้วะ ไอหยา อั๊วว่าลื้อยังไม่มีความละเอียดน้าอาสอราพบ” ผมเข้ามาพบแกในเช้าวันหนึ่ง ผมจำได้ว่าเรื่องที่แกกำลังว่าผมอยู่นั้น แกเป็นคนให้ผมแก้เอง และสุดท้ายวันนี้แกกลับไม่พอใจอีกแล้ว การทำงานระหว่างผมกับเขาเป็นแบบนี้มาตลอด 2 อาทิตย์เศษ ในขณะเดียวกันอีกด้านนึง คุณนิศาก็คอยทวงงานอื่นผมยิกๆ
“สรภพ งานของบริษัท วรางคนางน่ะ date line พรุ่งนี้นะ แล้วก็ของ คาเพนซิตี้ วันจันทร์หน้า นี่คุณต้องเรียบเรียงการทำงานให้ถูกนะ ไม่งั้นมันไม่ make sense”
เธอมักจะพูดไทยคำอังกฤษคำกับผมเสมอ บางทีผมก็อยากจะถามเสียเหลือเกินว่าไอ้common sense เอย make sense เอย มันมีความสลักสำคัญอะไรกับตระกูลเธอ เพราะในแต่ละวันจะได้ยินคำๆ นี้จากปากของคณะผู้บริหารของบริษัทไม่ต่ำกว่า 7-8 ครั้ง จนผมอยากจะแปลงร่างเป็น เซนต์เซย่าให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยทีเดียว
ในมือของผมตอนนี้มีงานอยู่ประมาณ 3 งาน การทำงานในสภาวะกดดันแบบนี้มันทำให้บางครั้งผมเกิดอาการเหม่อลอย จิตหลุด และบ่อยครั้งที่ผมเริ่มทำงานผิดพลาด ผมถูกตำหนิเล็กๆอยู่บ่อยๆจากพี่สมชายหัวหน้าแผนก ผมเริ่มรู้สึกแย่กับการทำงานเร่งๆแบบนี้
จนเมื่อใกล้ถึงวันที่ผมจะต้องส่งงานสำคัญที่พี่สมชายเคยบอกว่าค่าจ้างเรือนแสนให้กับทางผู้ว่าจ้างนั้น ผมได้เข้าไปส่งงานกับคุณไพฑูรย์อีกครั้ง หลังจากที่เคยเพียรส่งมากี่ครั้งแล้วผมก็จำไม่ได้ ผมค่อยๆ ยื่นเอกสารขนาด A3 จำนวน 40 แผ่น ให้กับคุณไพฑูรย์ แกรับไปดู ผมรอลุ้นว่าวันนี้ผมจะโดนตำหนิจากแกเรื่องอะไรอีก
“อาสอราพบ...” คุณไพฑูรย์เอ่ยขึ้น สายตายังคงมองอยู่กับงานนั้น แกขยับแว่นตาให้กระชับกับใบหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“ลื้อทำงานลีขึ้นนา อั๊วภูมิใจแทนลื้อจริงๆ ลื้อนี่เป็นคงหัวไวจริงๆสิ ไอหยา อั๊วว่าลื้อดูจาเก่งกว่าหลายๆคงอีกนา อั๊วภูมิใจลื้อจริงๆอ้า อาสอราพบ” คำชมพรั่งพรูออกจากปากคุณไพฑูรย์แบบที่ผมแทบไม่เคยได้ยินมาก่อน อาจจะมีบ้างที่บอกว่า ทำดีแล้ว แต่ก็ไม่เคยชมไม่ขาดปากถึงขนาดนี้ ผมรู้สึกแฮปปี้ขึ้นกับการทำงานที่ผมทุ่มเทให้เวลากับมัน งานนี้ผมต้องใช้เวลาในวันเสาร์และอาทิตย์เพื่อเร่งงานให้เสร็จ รวมไปถึงงานอื่นๆที่คุณนิศาป้อนให้อีก 1-2 งาน ขนาดมีอยู่วันนึงที่ผมรู้สึกเหมือนจะไม่สบายแต่ผมก็เลือกที่จะไม่ลางาน
“อาสอราพบ ลื้อเป็งอาราย ดูเหมืองคงไม่สาบายอ่า” คุณไพฑูรย์ทักขึ้นในวันสุดท้ายของงานสำคัญ ขณะที่ผมเตรียมเอกสารทั้งหมดให้กับเซลล์โปรเจคเพื่อนำไปพรีเซ็นต์กับทางผู้ว่าจ้าง
“เปล่าครับ ไม่เป็นอะไร” ความเป็นคนพูดน้อย คำตอบที่ได้จึงขัดกับความเป็นจริงอยู่เสมอ สุดท้ายหลังจากงานนั้นจบลง ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี บริษัทได้รับเงินตอบแทนตามที่ตกลงไว้อย่างไม่มีอะไรติดขัด ผมรู้สึกมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น สิ้นเดือนนี้จะต้องมีการประเมินการทำงานของผม และหากผมผ่าน เงินเดือนในสิ้นเดือนหน้าของผมก็คงจะเพิ่มขึ้นตามรุ่นพี่ในบริษัทตามที่ผมเคยได้ฟังเขาเล่ากันมา
เวลาผ่านไปจนถึงวันสุดท้ายของเดือนที่ 5 ไม่มีใครเรียกผมไปประเมิน และไม่มีใครเอ่ยอะไรกับผมเลยถึงการทดลองงานที่สิ้นสุดเมื่อเดือนก่อน แปลว่าตอนนี้ผมกำลังทำงานนอกเหนือ จากในตัวสัญญา ผมได้แต่บอกกับตัวเองว่ามันต้องมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น คุณนิศาอาจจะคิดว่าเป็นสิ้นเดือนนี้ก็ได้ อย่างไรก็ตามสิ้นเดือนนี้ผมต้องได้ปรับเงินเดือนใหม่แน่นอน
ติ๊ดๆ....ติ๊ดๆ.... เสียงเมสเซจบอกว่ามีข้อความเข้าในโทรศัพท์มือถือ
‘ยอดเงินเข้าบัญชีของคุณคือ 11,494 บาท ยอดเงินที่คุณสามารถถอนได้คือ 13,088.33บาท’
ยอดเงินเดือนที่ถูกหักแล้วหักอีกเพื่อเข้าบริษัทปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของผมขณะที่ผมอยู่บนรถเมล์ในเช้าวันหนึ่งซึ่งกำลังเดินทางไปทำงานที่บริษัท มันเป็นบริการแจ้งยอดอัฟเดทในบัญชีเงินเดือนของธนาคาร ผมช๊อคไปชั่วครู่ คิดไตร่ตรองอีกครั้งว่าเงินเดือนนี้คงมีอะไรผิดพลาดไป
จนเมื่อถึงบริษัท คุณนิศาเดินสวนกับผมบริเวณทางขึ้นลิฟท์ เธอไม่ทักผมอย่างใดเลย ไม่คิดแม้แต่จะหันมามองด้วยซ้ำ ถึงเวลานี้ผมคงต้องเริ่มทำใจ
บรรยากาศของการทำงานในวันนี้ของผมเป็นไปอย่างเฉื่อยแฉะ นาฬิกาบอกเวลาห้าโมงเย็นแล้ว อีกเพียงครึ่งชั่วโมงก็จะเป็นเวลาเลิกงาน วันนี้คงเป็นอีกวันที่ผ่านไปโดยไม่มีอะไรคืบหน้า ยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะผมก็ดังขึ้น
“สรภพ มาหาฉันที่ห้องหน่อย” เสียงจากปลายสายดังขึ้น ผมจำได้ดีว่านั่นคือคุณนิศา ผมรีบรุดไปที่ห้องทำงานของเธอทันที
“นั่งสิ” คุณนิศาเอ่ยขึ้นเมื่อผมไปถึง ผมโค้งนิดหน่อยก่อนเลื่อนเก้าอี้นั่ง แล้วคุณนิศาก็เริ่มพูดต่อ
“ฉันได้ประเมินคุณไปแล้วเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แต่ว่าฉันไม่มีเวลาคุยเลยต้องยืดเยื้อมาถึงวันนี้...” เธอหยุดดูท่าทีของผมนิดนึง แต่ผมยังคงนิ่งเฉย ไม่มีคำซักถามใดๆ เธอจึงพูดต่อ
“ฉันลองให้คุณประเมินการทำงานของตัวคุณเองก่อนว่าถ้าเต็ม 10 คุณจะให้ตัวเองเท่าไหร่ ?” เธอขยับตัวเอามือกอดอก พิงพนักเก้าอี้รอฟังผมประเมิณตัวเอง
“6.9 ครับ” ผมตอบ เธอมองผมและยิ้มที่มุมปาก ผมไม่ชอบเลยจริงๆให้ตายสิ
“แต่ฉันให้คุณ 6.5“ เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “รู้มั้ยว่าทำไม....ฉันว่าคุณยังไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงานเท่าที่ควร บางครั้งคุณก็ทำงานไม่ตรงตามวันที่ฉันกำหนด บางทีเหมือนงานจะเสร็จแต่ก็ไม่เสร็จจริง“ ผมนั่งฟังเธอประเมินตัวผมและกำลังนึกตามว่ามันเคยมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นด้วยหรือ ผมแปลกใจกับข้ออ้างต่างๆที่เธอหยิบยกขึ้นมาพูด
“ฉันยอมรับนะว่าคุณเป็นคนหัวไว เรียนรู้งานเร็ว คุณเป็นคนเก่งนะ คุณไพฑูรย์ก็บอกฉัน น้อยคนนักที่จะผ่านด่านคุณไพฑูรย์ไปได้ ยังไงก็ตามตอนนี้ฉันคงจะยังไม่ขึ้นเงินเดือนให้คุณ แต่ว่าถ้าจะขึ้นก็อาจจะข้ามสเต็ปให้ ยังไงเสียคุณก็ต้องปรับปรุงตัวเองในเรื่องที่ฉันพูดไปแล้วกัน แล้วอะไรๆจะดีขึ้น ขอแค่ให้คุณก้าวไปพร้อมๆกับเรา ส่วนเรื่องอื่นคุณไม่ต้องห่วง” เธอทิ้งท้าย
ผมกล่าวขอบคุณแล้วเดินออกจากห้อง ตอนนี้ผมรู้สึกได้ถึงเขาสองอันขนาดใหญ่ที่อยู่บนหัวผม นี่มันคงจะมีมาสักพักแล้วสินะ อย่างน้อยก็ตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา ในตอนแรกผมเข้าใจว่าผมน่าจะผ่านการประเมินเพราะพี่สมชายเป็นคนประเมินผมในขั้นต้น พี่สมชายบอกว่าเขาไม่อยากหาคนใหม่มาแทนแล้ว และคุณนิศาเองก็เชื่อถือพี่สมชายมากพอสมควร นั่นทำให้ผมพยายามทำงานให้ออกมาดีที่สุด แต่ว่าถึงเวลานี้แล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่ผมพยายามไปมันคงไร้ประโยชน์ ทุกคนในบริษัทล้วนแล้วแต่ใช้จิตวิทยาหมู่เพื่อหลอกคนอย่างผม จ้างผมด้วยค่าจ้างถูกๆ และใช้ประโยชน์จากตัวผมอย่างเต็มที่
เมื่อผมเดินมาถึงโต๊ะ สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ผม พี่คนหนึ่งในแผนกเอ่ยทักขึ้น
“เฮ้ย มึงจะเลี้ยงอะไรกูล่ะวันนี้ ผ่านโปรแล้วนี่หว่า” คำทักโง่ๆที่ออกจากปากของเพื่อนร่วมงานผม ทำให้ผมที่ฉลาดขึ้นแล้วรู้ทันทีว่าทุกคนต่างรู้เรื่องการประเมินของผมอยู่แล้ว ผมเลยหันไปตอบว่า
“เลี้ยงอะไร” ผมทิ้งคำถามหลายแง่เอาไว้ และก็ไม่ผิดไปจากที่คิด
“อ้าว นี่เงินเดือนมึงไม่ได้ขึ้นหรอกหรอ” เพื่อนร่วมงานโพล่งออกมาอย่างโง่ๆ (ผมชอบจริงๆคำนี้) ผมว่าเขาน่าจะตอบผมว่า จะกินอะไรที่ไหนมากกว่าจะได้ไม่หลุดโชว์เขาบนหัวออกมาอย่างนี้ จะว่าไป เขาที่อยู่บนหัวผมนี่ก็คงจะโชว์ให้พวกบริษัทนี้เห็นมานานสองนานแล้วเหมือนกัน ฮึ! ผมนี่มันโง่จริงๆ
เย็นนี้ผมว่าจะอยู่เย็นซักหน่อย งานที่ผมต้องทำมันยังมีอีกมาก นาฬิกาบอกเวลาหกโมงเย็น ตอนนี้คนในแผนกทยอยกลับกันจนหมด ผมเริ่มทำงานสำคัญชิ้นสุดท้ายของผมก่อนที่พรุ่งนี้ผมจะไม่มีโอกาสได้ทำมันอีก
ผมคีย์ข้อมูลลงในโปรแกรมสร้างไวรัส เพียง 5 นาทีข้อมูลทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ ผมกด Enter เพื่อถ่ายโอนข้อมูลไวรัสตัวล่าสุดที่ผมเพิ่งสร้างมันขึ้นมาลงในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในบริษัท ต้องขอบใจบริษัทนี้ที่เชื่อมการส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องไว้ร่วมกัน งานของผมชิ้นนี้จึงสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ขึ้นคำว่า Complete แสดงถึงภารกิจสุดท้ายของผมเสร็จสิ้น พรุ่งนี้คุณนิศา รวมไปถึงทุกคนในบริษัทคงจะประทับใจกับของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ผมทิ้งเอาไว้ให้ โดยเฉพาะคุณนิศา เธอคงจะคลั่งตายถ้าเธอได้ย้อนกลับไปดูใบสมัครงานของผมในช่องความสามารถอื่นๆ ว่า สามารถใช้โปรแกรมทางคอมพิวเตอร์ชั้นสูงได้ดีเยี่ยม
พรุ่งนี้ ผมคงต้องหางานใหม่แล้วสินะ ต้อนรับผมด้วยนะครับเผื่อว่าผมจะได้ร่วมงานกับพวกคุณ เอ้อ..อีกอย่างนึง หวังว่าพวกคุณคงจะไม่โกงผมนะครับ
ผลงานอื่นๆ ของ Sikar_KK ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Sikar_KK
ความคิดเห็น